เขื่อนกินเนื้อมนุษย์



เขื่อนกินเนื้อคน เป็น ประสบการณ์สยดสยอง ที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง เรื่องทั้งสิ้นเกิดขึ้นที่หมู่บ้านแถวบริเวณพุทธมณฑล เมื่อสิบกว่าปีให้หลัง บ้านของรุ่นพี่ จะอยู่ข้างๆกับหมู่บ้านนึง หมู่บ้านนี้จะไม่ค่อยมีคนอยู่ ด้วยเหตุว่าสร้างเสร็จแล้วจะขาย แต่ว่าก็ไม่มีลูกค้ามาซื้อ

ส่วนทางเข้าหมู่บ้านจะลึก และก็เปลี่ยวมาก แท็กซี่กับวินรถมอเตอร์ไซค์จะไม่กล้าเข้าไป บ้านของรุ่นพี่ต้องใช้ทางเข้าหมู่บ้านนี้ แล้วอ้อมไปด้านข้างหมู่บ้าน ก็จะเป็นสวน แล้วจำเป็นต้องผ่านสวนเข้าไป ก็เลยใกล้จะถึงบ้าน

แม้กระนั้นเนื่องจากว่ารุ่นพี่ไม่กล้าใช้ทางเข้าหมู่บ้าน ก็ใช้แนวทางพายเรือผ่านฝากไป จากถนนใหญ่ภายนอก ที่สามารถพายเรือไปถึงที่บ้านได้ เลยลงไปทางหมู่บ้านหน่อยเดียว จะมีเขื่อนที่เรียกกันว่าประตูผี จะเป็นทางทะเลหักศอก ตรงประตูเขื่อน น้ำจะวนอยู่กับที่ แล้วดูดลงไปข้างล่าง ขณะนั้นรุ่นพี่เลิกงานกลับมาถึง

ศพไปจมอยู่ใต้ประตูเขื่อน เพราะเหตุว่าน้ำไม่พัดขึ้นมา แม้กระนั้นจะม้วนวนอยู่ข้างล่างตลอด แล้วก็นี่ก็ไม่ใช่รายแลกเปลี่ยน หลายรายที่เอาชีวิตมาทิ้งนี้ เนื่องจากว่ามันเป็นทางหักศอก ถ้าหากหลุดเข้าไปแม้แต่นิดเดียว น้ำจะดึงเข้าไปตีกับประตูเขื่อน แตกหมดทุกลำ จึงได้มีคนออกมาเตือนว่า เวลาน้ำขึ้น ห้ามพายเรือไปตรงนั้น

มีอยู่วันนึง ในตอนที่รุ่นพี่เลิกงาน ก็ได้ไปเที่ยวกับเพื่อนพ้อง แล้วกลับมาดึก ตอนเช้าของวันนั้น คุณน้าได้กำชับกับรุ่นพี่ว่า “วันนี้อย่ากลับดึกดื่นนะ เพราะว่ามันเพิ่งจะมีผู้ตายใหม่ๆแล้วไม่รู้จักว่าไอ้เขื่อนที่ตรงนั้น มันจะเอาอีกสักกี่คน ถึงจะเพียงพอ”

พอเพียงรุ่นพี่เดินมาถึงที่เรือ ก็ปลดเชือกผูกเรือ แล้วหลังจากนั้นก็พายเรือกลับ ตอนที่ผ่านสวนมะพร้าว ก็ได้ยินเสียงคนพายเรือตามมาจากข้างหลัง รุ่นพี่ก็อุ่นใจที่มีเพื่อนร่วมทาง พอเพียงจังหวะที่รุ่นพี่ชูไม้พายขึ้นมาบนเรือ เสียงพายเรือข้างหลังก็เงียบ

พอเอาไม้พายตีลงน้ำแล้วพาย ก็ได้ยินเสียงพายเรือมาจากข้างหลังเช่นกัน รุ่นพี่ก็ฉุกคิด แต่ก็ยังไม่หันไปดู ก็เลยพายเรือจนเลยสวนมะพร้าวไป อีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงบ้าน

รุ่นพี่จึงหันหลังไปดู ปรากฏว่ามองเห็นเพศหญิงผมยาว นั่งอยู่บนโลงศพ แล้วใช้มือที่ใหญ่มากยิ่งกว่าคนปกติราวๆสิบเท่าทั้งสองข้าง กวักลงน้ำ เบาๆพายหีบศพตามหลังเข้ามาเรื่อยๆ“จ๋อม…จ๋อม…จ๋อม”

รุ่นพี่มองตาเหลือก ตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก คุณน้าของรุ่นพี่
ที่ยืนรออยู่ตรงศาลาท่าน้ำ รีบกระโดดลงน้ำ แล้วลากเอาเรือของรุ่นพี่เข้าเปรียบเทียบศาลา แล้วรีบลากแขนรุ่นพี่เข้าไปในบ้าน พร้อมกับพูดว่า “อย่าหันไปมอง เอ็งรีบขึ้นบ้านก่อน”

คุณน้าลากรุ่นพี่เข้าไปในห้องพระ แล้วชูพุทธรูปองค์ใหญ่มาให้รุ่นพี่ รุ่นพี่ก็นั่งกอดพระพุทธรูปตัวสั่นปากสั่น ครู่หนึ่งก็เริ่มสงบสติได้ ก็เลยได้ถามคุณน้า แต่ว่าคุณน้าตอบกลับมาว่า “มึงไม่ต้องบอกอะไร ประเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปวัดร่วมกัน” คืนนั้นรุ่นพี่นอนกอดพุทธรูปตัวสั่นตลอดทั้งคืน ส่วนคุณน้าก็นั่งเฝ้าอยู่ตลอดคืน

เช้าตรู่มา คุณน้าก็ได้พารุ่นพี่ไปวัด หลวงพ่อท่านกล่าวว่า “ต้องให้มันอยู่ในโบสถ์สามวัน มิเช่นนั้นคงไม่รอด” รุ่งพี่ก็เลยได้เข้าไปอยู่ในโบสถ์ หลวงพ่อท่านก็เอาสายสินญ์มาพันไว้บริเวณโบสถ์ แล้วขึงด้านในไว้อีกหนึ่งชั้น

แล้วคุณน้าก็สั่งย้ำว่า “ให้กระทำตามที่หลวงพ่อบอก ถ้าหากยังไม่ต้องการที่จะอยากตาย” เขื่อนกินเนื้อคน
แล้วหลวงพ่อก็บอกขึ้นมาว่า “ถ้าเห็นอะไร ได้ยินเสียงอะไร อย่าออกนอกสายสินญ์ อย่าออกนอกประตูโบสถ์ อยู่ในเสมาของโบสถ์ เดี๋ยวจะให้พระกับสามเณรมาเฝ้า”

แม้กระทั้งช่วงเวลากลางวัน หลวงพ่อท่านก็พูดว่า ถ้าหากไม่สำคัญก็อย่าออกมานอกโบสถ์ เรื่อง ผี เล่า ถ้าปวดก็ให้ใช้กระโถนไปก่อน ตกตอนกลางคืน ประมาณสามทุ่ม รุ่นพี่ได้ยินเสียงคนพายเรือ อยู่หน้าท่าน้ำวัด “จ๋อม…จ๋อม…จ๋อม” ครู่หนึ่งก็เงียบ อีกสักพักเสียงก็มาอีก

สามเณรที่มาเฝ้า ต่างเอาจีวรคลุมโปงแล้วนอนกอดกันสั่นเทิ้ม รุ่นพี่จึงบอกกันสามเณรว่า “เณร ทดลองเปิดหน้าต่างโบสถ์แล้วมองที่ท่าน้ำหน่อย ใครพายเรืออยู่อ่ะ” เณรตอบว่า “ไม่กล้ามองหรอก ผมก็กลัว”

จนเข้าคืนวันที่สาม เป็นวันพระใหญ่พอดี วันนี้มีอีกทั้งพระรวมทั้งเณรมาอยู่เป็นเพื่อนหลายรูป แต่วันนี้ รุ่นพี่ขอให้เปิดประตูโบสถ์เอาไว้ เนื่องจากต้องการจะรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ที่พายเรืออยู่ที่ท่าน้ำวัด

เวลาราวห้าทุ่มแทบๆเที่ยงคืน ก็ได้ยินเสียงพายเรือดังเดิม
“จ๋อม…จ๋อม…จ๋อม” รุ่นพี่จึงหันไปมองที่ท่าน้ำวัด ปรากฏว่ามองเห็นหัวคน เบาๆโผล่ขึ้นมาที่ท่าน้ำ ลักษณะคอยาวๆหน้าตอบๆซีดๆดวงตากลวงโบ๋ แสยะยิ้มให้รุ่นพี่

แล้วเสียงพายก็ยังดังอยู่เสมอ “จ๋อม…จ๋อม…จ๋อม” จนกระทั่งรุ่นพี่ช็อคนั่นตัวแข็งอยู่กลางโบสถ์ พระกับสามเณรรีบวิ่งไปปิดประตูหน้าต่าง แล้วรีบไปอยู่รวมกันที่กึ่งกลางโบสถ์ เณรตะโกนลั่นโบสถ์ว่า “ช่วยด้วยๆๆ”

กระทั่งหลวงพ่อกับสัปเหร่อได้ยินเข้า จึงรีบวิ่งมาหา ก็เห็นทั้งพระทั้งยังสามเณรและรุ่นพี่ นั่งกอดกันกลมอยู่กึ่งกลางโบสถ์ หลวงพ่อท่านก็กล่าวว่า “คืนวันนี้มึงพ้นแล้วหละ เค้าไปเอาบุคคลอื่นแล้ว”

รุ่นตอนเช้าของวันถัดมา คุณน้าก็ได้มาหารุ่นพี่ที่วัด แล้วกล่าวว่า “มีเพศหญิง ตายอยู่หน้าประตูเขื่อนเมื่อคืน” แล้วต่อจากนั้นหลวงพ่อก็ทำพิธีเรียกขวัญ รดน้ำมนต์ให้อีกทั้งเณรทั้งยังพระแล้วก็รุ่นพี่

คุณน้าบอกว่า “คนที่ตาย เป็นลูกสาวของคนรู้จัก ไปพายเรืออีท่าไหนไม่เคยทราบ โดนน้ำสนุกสนานลงไป ศพไปติดอยู่ข้างหน้าประตู” แล้วก็นี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดทั้งปวง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *